Professional Documents
Culture Documents
เสนอ
จัดทำาโดย
นายภควัต โอวาท
รหัส 4741060017
โปรแกรมวิทยาศาสตร์ทั่วไป
คำานำา
รายงาน การควบคุมชั้นเรียนฉบับนี้จัดทำาขึ้นจากการรวบข้อมูลกิจกรรมในการบริหารจัดการใน
ห้องเรียน ซึ่งมีเนื้อหาในการควบคุมชั้นเรียนเพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบ
รืน่ เน้นการแก้ปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมของนักเรียนที่มีความประพฤติไม่พึงประสงค์ อันเป็นปัญหา
ในการปกครองชั้นเรียนของผู้สอนได้
ผูจ้ ัดทำาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเนื้อหาในรายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจศึกษาและนำาไป
ปฏิบัติทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเด็ก เยาวชน ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ หากมีข้อความใดที่
ผิดพลาดบกพร่องในรายงานฉบับนี้ผู้จัดทำาต้องขออภัยมา ณ. ทีน่ ี้ด้วย
ภควัต โอวาท
มกราคม 2552
3
สารบัญ
คำานำา 2
เทคนิคการควบคุมชั้นเรียนของครู 4
กิจกรรมที่ใช้ควบคุมชั้นเรียน 6
ตอนที่ 1 วิธที ำาสัญญา 6
กิจกรรมที่ 1 การทำาสัญญากับเด็กก้าวร้าว 6
กิจกรรมที่ 2 การทำาสัญญากับเด็กที่ไม่ทำาการบ้าน 7
ตอนที่ 2 การลงโทษโดยไม่ใช้วาจา 8
กิจกรรมที่ 3 การใช้บัตรลงโทษ 8
กิจกรรมที่ 4 สัญลักษณ์ที่ใช้แทนคำาพูด 9
กิจกรรมที่ 5 สัญญาณเตือนเด็กทั้งชั้นทีท่ ำาผิด 9
กิจกรรมที่ 6 การปรึกษาเป็นการส่วนตัว 10
กิจกรรมที่ 7 กบบนใบบัว 10
กิจกรรมที่ 8 เก็บหรือทำาลายสิ่งของที่นักเรียนนำามาเล่นในห้องเรียน 11
กิจกรรมที่ 9 การลงโทษทางกายสถานเบา 11
กิจกรรมที่ 10 การลงโทษทันทีทันควัน 12
ตอนที่ 3 การให้สินจ้างและรางวัล 12
กิจกรรมที่ 11 การแสดงละคร (Melodrama) 12
กิจกรรมที่ 12 เกมตกปลา 13
กิจกรรมที่ 13 รางวัลที่เป็นแรงจูงใจภายใน 13
กิจกรรมที่ 14 แรงเสริมทางสังคมกับรางวัลที่เป็นสิ่งของ 14
ตอนที่ 4 การใช้เทคนิคเวลานอก (Time – Out technique) 14
กิจกรรมที่ 15 การจัดสถานที่สำาหรับเวลานอก 14
กิจกรรมที่ 16 การทำาความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การใช้สถานที่สำาหรับเวลานอก 15
ตอนที่ 5 การจัดการกับสถานการณ์ที่ทำาให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว 15
กิจกรรมที่ 17 การแสดงบทบาทสมมติ 15
กิจกรรมที่ 18 การควบคุมความประพฤติของเด็กทั้งห้อง 15
กิจกรรมที่ 19 การขจัดปัญหาการโต้ตอบที่ไม่ดี 17
กิจกรรมที่ 20 ใช้อทิ ธิพลของเพื่อนร่วมชั้นเป็นแรงเสริม 17
กิจกรรมที่ 21 การทำาสัญญาในกลุ่มเล็กๆ 17
กิจกรรมที่ 22 วันหยุดงาน 18
ตอนที่ 6 กิจกรรมสำาหรับปัญหาที่แก้ไขยาก 19
กิจกรรมที่ 23 การแก้ไขเด็กเก็บตัว 19
บรรณานุกรม 20
4
เทคนิคการควบคุมชั้นเรียน
เทคนิคการควบคุมชั้นเรียนของครู
เทคนิคหรือวิธีการที่ครูใช้ควบคุมชั้นเรียนมีส่วนส่งเสริมในการสร้างบรรยากาศทางจิตวิทยา
กล่าวคือ ถ้าครูปกครองชั้นเรียนด้วยความยุติธรรม ยึดหลักประชาธิปไตย ใช้ระเบียบกฎเกณฑ์ที่ทุกคน
ยอมรับ ยินดีปฏิบัติ นักเรียนก็จะอยู่ในห้องเรียนอย่างมีความสุข เกิดความรู้สึกอบอุ่นพอใจและสบายใจ
ในทางตรงกันข้าม ถ้าครูโลเล ไม่ยุติธรรม เลือกที่รักมักที่ชัง ปกครองชั้นเรียนแบบเผด็จการ นักเรียนจะ
เกิดความรู้สึกไม่ศรัทธาครู ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบกฎเกณฑ์ ส่งผลให้นักเรียนไม่สนใจเรียน ไม่อยาก
มาโรงเรียนในที่สุด ดังนั้นเทคนิควิธีการปกครองชั้นเรียนของครูจึงมีความสำาคัญต่อการสร้าง
บรรยากาศทางจิตวิทยาด้วย
ในการปกครองชั้นเรียน ครูควรยึดหลักต่อไปนี้
3.1 หลักประชาธิปไตย ครูควรให้ความสำาคัญต่อนักเรียนเท่าเทียมกัน ให้ความเสมอภาค ให้อิสระ ให้
โอกาสแก่ทุกคนในการแสดงความคิดเห็น ขณะเดียวกันครูต้องใจกว้าง ยินดีรับฟังความเห็นของทุกคน
และควรฝึกให้นักเรียนปฏิบัติตนตามสิทธิหน้าที่ รูจ้ ักเคารพสิทธิของผู้อื่น ให้รู้จักการอยู่ร่วมกันอย่าง
ประชาธิปไตย
3.2 หลักความยุติธรรม ครูควรปกครองโดยใช้หลักความยุติธรรมแก่นักเรียนทุกคนโดยทั่วถึง นักเรียน
จะเคารพศรัทธาครู และยินดีปฏิบัติตามกฎระเบียบของครู ยินดีปฏิบัติตามคำาอบรมสั่งสอนของครู ตลอ
ดจนไม่สร้างปัญหาในชั้นเรียน
3.3 หลักพรหมวิหาร 4 อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
เมตตา หมายถึง ความรักและเอ็นดุ ความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นเป็นสุข
กรุณา หมายถึง ความสงสาร คิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
มุทิตา หมายถึง ความยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นได้ลาภยศ สุข สรรเสริญ
อุเบกขา หมายถึง ความเที่ยงธรรม การวางตัวเป็นกลาง การวางใจเฉย
ถ้าครูทุกคนยึดหลักพรหมวิหาร 4 ในการปกครองชั้นเรียน นอกจากจะทำาให้นักเรียนมีความเคารพ
รักศรัทธาครู และมีความสุขในการเรียนแล้วยังเป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่นักเรียนด้วย
3.4 หลักความใกล้ชิด การที่ครูแสดงความเอาใจใส่ ความสนใจ ให้ความใกล้ชิดกับนักเรียน เป็นวิธีการ
หนึ่งในการสร้างบรรยากาศทางด้านจิตวิทยา วิธีการแสดงความสนใจนักเรียนทำาได้หลายวิธี จิตรา วสุ
วานิช (2531 : 135) ได้เสนอแนะไว้ดังนี้
1.ครูจะต้องรู้จักนักเรียนในชั้นทุกคน รู้จักชื่อจริง ชื่อเล่น ความสนใจของเด็กแต่ละคน เป็นต้นว่า งาน
อดิเรก มีพี่น้องกี่คน จุดเด่น จุดด้อย ของนักเรียนแต่ละคน
5
กิจกรรมที่ใช้ควบคุมชั้นเรียน
ตอนที่ 1 วิธีทำาสัญญา
การทำาตามสัญญาเพื่อเปลี่ยนความประพฤติ เป็นการสร้างวินัยในตนเองการทำาสัญญาเป็นสิ่งที่
ง่ายที่สุด หมายความว่าครูจะยอมรับและเห็นด้วยกับข้อตกลงที่ทำาไว้กับเด็ก แต่ละคนหรือทั้งชั้น
การทำาสัญญาเพื่อเปลี่ยนความประพฤติมักได้ผลดีสำาหรับเด็กวัยรุ่นหรือเด็กโต
การตกลงทำาสัญญาคือ “การทำาในสิ่งที่สัญญาว่าจะทำา” การทำาตามสัญญาต้องมีการวางแผนไว้
ก่อน คือ อาจจะให้เด็กนึกถึงนิสัยที่ไม่พึงปรารถนาบางอย่างที่ต้องการจะแก้ไข และในเวลาเดียวกันก็
ให้นึกถึงความเพลิดเพลินเล็กๆน้อย หรือสิ่งที่นักเรียนชอบทำาเพื่อความสนุกสนาน เช่น “การอ่าน
หนังสือการ์ตนู ” “การเล่นฟุตบอล” “การกินไอศกรีม” ฯลฯ จากนั้นก็ให้สัญญากับตนเองว่า “เมื่อใด
ก็ตามที่ตนไม่ควบคุมความประพฤติ ตนจะต้องไม่แสวงหาความเพลิดเพลินหรือความสนุกนั้นชั่วคราว
เช่น ต้องการแก้นิสัยขี้ลืม เด็กอาจจะให้สัญญากับตนเองว่า “ถ้าฉันลืมเขียนวันที่ในสมุดเลข ฉันจะไม่
กินไอศกรีม”
กิจกรรมที่ 1 การทำาสัญญากับเด็กก้าวร้าว
วัตถุประสงค์ เพื่อเรียนรู้กระบวนการขั้นต้นในการนำาวิธีปรับพฤติกรรมมาใช้
แต่ถ้าเขาไม่ชกต่อยตีกันเขาจะได้อะไรบ้าง
กิจกรรมที่ 2 การทำาสัญญากับเด็กที่ไม่ทำาการบ้าน
วัตถุประสงค์ เพื่อแก้นิสัยไม่ชอบทำาการบ้าน
ข้อควรจำา 1. ต้องไม่มีการดุว่าเมื่อเด็กทำาผิดสัญญา
2. ให้แรงเสริมบวกตามที่นักเรียนต้องการ บอกให้เด็กทราบว่าครู
รู้สึกชื่นชม บอกคะแนนหรือเกรดให้เด็กทราบทันที่ที่ครูตรวจ
เสร็จ
8
ตัวอย่างใบสัญญา
ใบสัญญา
ข้าพเจ้าชื่อ....................................................................ขอสัญญาว่าข้าพเจ้าจะส่งการบ้าน
วิชา....................................ภายในวันที่ ..............เดือน.......................พ.ศ. ........... ถ้าข้าพเจ้า
ส่งไม่ทันตามกำาหนดข้าพเจ้าจะ...................................................................เป็นการชดใช้
ลงชื่อ........................................................................(นักเรียน)
ลงชื่อ.................................................................................(ครู)
ตอนที่ 2 การลงโทษโดยไม่ใช้วาจา
การลงโทษโดยไม่ใช้วาจา คือ การไม่พูด แต่จะแสดงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการ
ลงโทษ
ถ้าหากครูกำาลังสอนอยู่ แล้วมีเด็กคนหนึ่งขัดจังหวะโดยการทำาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เคาะโต๊ะ
แล้วครูหยุดอธิบายหันมาพูดกับตักเตือน เด็กคนนั้นจะได้รับความสนใจมากขึ้น เขาจะยิ่งทำาสิ่งไม่ดีมาก
ขึน้ เพราะเด็กคนดังกล่าวต้องการเรียกร้องความสนใจจากครู การพูดจึงไร้ประโยชน์
อยู่ในห้องเรียนเวลา ไม่มีสิทธิเข้า
หยุดพัก ห้องเรียน 15 นาที
ทำาความสะอาดห้องเรียน งดการด่ ืมนม
ตอนเลิกเรียน
9
กิจกรรมที่ 4 สัญลักษณ์ที่ใช้แทนคำาพูด
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการโต้ตอบโดยไม่ใช้คำาพูดกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ดี
กิจกรรมที่ 6 การปรึกษาเป็นการส่วนตัว
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการแก้ไขความประพฤติโดยการให้ความสนใจเป็นพิเศษ
กิจกรรมที่ 7 กบบนใบบัว
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการลงโทษให้เหมาะสมกับความผิดของเด็กและเพื่อให้
เด็กรูว้ ่ามิใช่การลงโทษตามใจครู
คำาแนะนำา ครูปรึกษากับเด็กแต่ละคนถึงวิธีการลงโทษที่ดีที่สุดและกำาหนด
โทษสำาหรับความผิดแต่ละอย่าง ครูเขียนความผิดแต่ละอย่างลง
บนกระดานดำา แล้วให้เด็กกำาหนดว่าความผิดแต่ละอย่างควรใช้
การลงโทษสถานใด เช่น
การคุยเสียงดัง งดเข้าห้องสมุด
การลุกจากเก้าอี้ งดการเล่นฟุตบอล
เคี้ยวหมากฝรั่ง งดการดื่มนม
หยอกล้อกับเพื่อน ไปอยู่ที่สถานที่สำาหรับเวลานอก
ครูหรือนักเรียนเขียนความผิดแต่ละอย่างบนกระดาษแข็งที่วาด
เป็นรูปกบ เขียนการทำาโทษบนกระดานไฟฟ้าที่วาดเป็นรูปใบบัว
กิจกรรมที่ 8 เก็บหรือทำาลายสิ่งของที่นักเรียนนำามาเล่นในห้องเรียน
วัตถุประสงค์ เพื่อมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่แน่นอนต่อความประพฤติไม่ดีของเด็ก
แต่ละคน
กิจกรรมที่ 9 การลงโทษทางกายสถานเบา
วัตถุประสงค์ เพื่อหาวิธีการลงโทษที่มีประสิทธิภาพ
กิจกรรมที่ 10 การลงโทษทันทีทันควัน
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันความสับสนในการลงโทษ
ตอนที่ 3 การให้สินจ้างและรางวัล
คำาแนะนำา ครูอธิบายให้นักเรียนทั้งชั้นทราบถึงความแตกต่างของสินจ้างและ
รางวัลว่า สินจ้าง หมายถึงสิ่งที่ให้แก่ความประพฤติไม่ดี โดย
หวังให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ รางวัลหมายถึงอะไรก็ได้ที่
เด็กต้องการเมื่อเขาได้เปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางพึงประสงค์เขา
ก็จะได้รับสิ่งนั้น ครูยกตัวอย่างให้เห็นถึงความแตกต่างของสิน
จ้างและรางวัล ตัวอย่างการให้สินจ้าง เช่น การที่แม่พาเด็กหญิง
อุไรพรไปหาหมอ เมื่อแม่บอกอุไรพรว่าจะไปหาหมอ อุไรพร
ร้องให้ทุกครั้ง แม่จึงให้ไอศกรีมเพื่อให้อุไรพรหยุดร้องไห้ อุไร
พรก็หยุดร้อง ดังนัน้ ทุกครั้งที่ไปหาหมดอุไรพรก็ร้องให้เช่นนี้
ตลอดไป แม่ก็ให้สิ่งของต่างๆ เพื่อให้อุไรพรหยุดร้องไห้ นี้คือ
การให้สินจ้าง สำาหรับการให้รางวัลนั้น ถ้าอุไรพรร้องไห้เมื่อแม่
บอกว่าจะพาไปหาหมอ แม่ก็จะไม่สนใจการร้องไห้ จะไม่พูดคุย
ด้วย ถามไถ่ และไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วย แต่จะพาไปหาหมอทั้งๆ
13
กิจกรรมที่ 12 เกมตกปลา
วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้รางวัลแก่เด็กที่มีความประพฤติเหมาะสม
2. เพื่อให้เด็กที่ประพฤติดีได้เล่นเกม
3. เป็นการกระตุ้นให้เด็กทีมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ มี
พฤติกรรมอันพึงประสงค์
กิจกรรมที่ 13 รางวัลที่เป็นแรงจูงใจภายใน
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการฝึกให้นักเรียนควบคุมตัวเอง
กิจกรรมที่ 14 แรงเสริมทางสังคมกับรางวัลที่เป็นสิ่งของ
วัตถุประสงค์ เพื่อให้แรงเสริมทางสังคม (คำาชมเชย การยอมรับและการให้
ความสนใจ)
คำาแนะนำา เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กทั้งชั้นได้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อแรง
เสริมทางสังคม ครูต้องจับคู่แรงเสริมทางสังคมกับรางวัลที่เป็น
สิ่งของ
กิจกรรมที่ 15 การจัดสถานที่สำาหรับเวลานอก
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการให้ความหมายและตั้งจุดประสงค์ของการจัดสถานที่
สำาหรับเวลานอก
วิธีการ ครูและเด็กร่วมกันอธิปลายและออกความเห็นว่าควรจะใช้ที่ใด
เป็นสถานที่สำาหรับเวลานอก และควรจะใช้อะไรกันไว้ เพื่อมิให้
ครูหรือเพื่อนๆ มองเห็นเด็กที่ถูกแยกตัว ครูจะใช้วัสดุต่างๆ ตาม
คำาแนะนำาของเด็ก เช่น อาจจะใช้ชั้นหนังสือหรือกระดานป้ายา
แล้วก็ช่วยกันจัดสถานที่ดังกล่าว และให้เด็กลองนั่งสาธิตให้
เพื่อนๆ ดูเสียก่อนว่า เป็นที่แยกตัวเด็กให้พ้นหูพ้นตาครูจริงๆ
สถานที่สำาหรับเวลานอกที่ครูและเด็กช่วยกันจัดจะได้มีประสิทธิ
ถาพ
กิจกรรมที่ 16 การทำาความเข้าใจเกี่ยวกับกฏเกณฑ์การใช้สถานที่สำาหรับเวลานอก
วัตถุประสงค์ เพื่อเน้นความเข้าใจ และการใช้สถานที่สำาหรับเวลานอกที่มี
ประสิทธิภาพ
ตอนที่ 5 การจัดการกับสถานการณ์ที่ทำาให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว
พฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้บางอย่างจะเกิดขึน้ ในบางสถานการณ์ ซึง่ ถือว่าสถานการณ์เป็นสิ่งเร้า
ให้เกิดพฤติกรรมเช่นนั้น ครูต้องหาทางแก้ไขโดยเปลี่ยนสถานการณ์นั้นก่อน เช่น ตอนกระดิ่งสั่นเข้า
เรียน เด็กบางคนจะมีปฏิกิริยาต่อต้านการประกาศทางห้องโสต ฯ ของครู ทำาให้เด็กมีพฤติกรรมที่
ควบคุมไม่ได้ เช่น การหยอกล้อกันในแถวหน้าห้องเรียน สถานการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้ในห้องเรียน
ครูจึงต้องหาทางเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นั้น
กิจกรรมที่ 17 การแสดงบทบาทสมมติ
วัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรียนได้เห็นพฤติกรรมที่ไม่ดี และพฤติกรรมโต้ตอบ
คำาแนะนำา ครูบอกให้นักเรียนสังเกตพฤติกรรมที่เกิดก่อนและเกิดทีหลัง
และช่วยตัดสินใจว่าพฤติกรรมใดไม่ดี เช่น เด็กผูช้ ายที่นั่งข้าง
หลังเด็กผู้หญิง แอบเอามือไปแตะเบาๆ ที่คอเด็กผู้หญิง (
พฤติกรรมแรก) เด็กผู้หญิงหันมาตวาดเสียงดังลั่นว่า “หยุดน่ะ” (
พฤติกรรมที่ 2) เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแอบหยิบของจากเด็กผูห้ ญิงอีก
คนหนึ่ง เด็กผู้หญิงคนที่สองร้องไห้เสียงดังจนเป็นที่รบกวน ฯลฯ
กิจกรรมที่ 18 การควบคุมความประพฤติของเด็กทั้งห้อง
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันการโต้ตอบที่ไม่ดีจากเด็กส่วนใหญ่
กิจกรรมที่ 19 การขจัดปัญหาการโต้ตอบที่ไม่ดี
วัตถุประสงค์ เพื่อการแก้ไขตอบที่ก้าวร้าวจากเด็กคนหนึ่งหรือสองคน
กิจกรรมที่ 21 การทำาสัญญาในกลุ่มเล็กๆ
วัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาวิธีแก้ไขความขี้เกียจของเด็กกลุ่มเล็กๆ อย่างมี
ประสิทธิภาพ
กิจกรรมที่ 22 วันหยุดงาน
วัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขความขี้เกียจ และแก้ไขทัศนคติไม่ดีต่อการเรียน
ตอนที่ 6 กิจกรรมสำาหรับปัญหาที่แก้ไขยาก
ปัญหาบางอย่างเป็นปัญหาที่แก้ไขยาก จะต้องใช้เวลานาน ส่วนมากมักจะเป็นปัญหาที่ครูมอง
ข้ามไป เช่น เด็กเงียบขรึมผิดปกติ เด็กแยกตัว เด็กหนีสังคม ฯลฯ วิธีการที่มีประสิทธิภาพมาก คือ
การใช้แรงเสริมทางสังคมรวมกับกิจกรรมที่เด็กชอบ วิธีการแก้ไขเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้มาจากการวิจัยที่
ได้ผมแล้ว
กิจกรรมที่ 23 การแก้ไขเด็กเก็บตัว
วัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขเด็กเก็บตัวที่มีพฤติกรรมทางสังคมที่ไม่เหมาะสม
วิธีการ ตอนที่ 1
ให้เด็กทำาตามในลักษณะเดียวกัน เช่น ครูหยิบแท่งไม้ทางขวามือ
ให้เด็กหยิบแท่งไม้ทางซ้ายมือ ถ้าเด็กทำาได้ก็จะได้รับรางวัล
ตอนที่ 2
ให้เด็กเลือกหยิบสิ่งของ 2 ลักษณะในสิ่งเดียวกัน คือ สีและ
ขนาด เช่น ให้เด็กหยิบแท่งไม้สีแดงอันใหญ่
ตอนที่ 3
ให้เด็กเลือกหยิบสิ่งของ 3 ลักษณะในสิ่งเดียวกัน เช่น ขนาด สี
และรูปร่าง ทุกครั้งที่เด็กทำาได้ก็จะได้รับรางวัล วิธีการเล่นเช่นนี้
จะทำาให้เด็กแสดงพฤติกรรมมากขึ้น และทำาให้เด็กอยาก
แสดงออกโดยไม่เก็บตัวอีกต่อไป
20
บรรณานุกรรม
เบญจกุล จีนาพันธ์. การปรับพฤติกรรมในชั้นเรียน การศึกษาเฉพาะกรณีพฤติกรรมซนอยู่ไม่สุขเกิน
ปกติ. วิทยานิพนธ์. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2517
สมพร สุทัศนีย์. จิตวิทยาการปกครองชัน้ เรียน. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544
เอซ เดนิช. หลักการพื้นฐานสอนระดับประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : กรมวิชาการ, 2545
http://socialscience.igetweb.com [เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2552]